วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การโน้มน้าวใจเพื่อการประชาสัมพันธ์

ทฤษฎีว่าด้วยการชักจูงใจ  การโน้มน้าวใจ

                ทฤษฎีที่ว่าด้วยการชักจูงใจ  การโน้มน้าวใจ  (Theory  of  persuasion)  เป็นทฤษฎีหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มทฤษฎีโครงสร้างในสมอง  ทฤษฎีนี้มีความเชื่อว่าการที่จะชักจูงใจบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้นเหมือนกันการกระตุ้น  บุคคลนั้น  เพื่อให้เกิดการตอบสนองในสิ่งที่เราต้องการให้เป็น  และในกระบวนการสื่อสารจะมีช่องว่างหรือตัวกลางระหว่างการกระตุ้นและการตอบสนองซึ่งเรียกว่าพื้นเพเดิมของบุคคล  ซึ่งถือว่าเป็นตัวกลางที่สำคัญมากในการสื่อสาร  ดังนั้นในการจูงใจบุคคลหรือจะสื่อสารสิ่งใดนั้น  เราจะต้องศึกษาถึงพื้นเพเดิมของบุคคลคนนั้นก่อน  นั่นคือศึกษาถึงองค์ประกอบต่าง ๆ  ของบุคคล ๆ  นั้น  เช่น  ทัศนคติ  ค่านิยม  ความเชื่อ  ระดับการศึกษา  ความแน่นแฟ่นของครอบครัว  เป็นต้น

สรุป
                ขั้นตอนการพัฒนาการประชาสัมพันธ์  มีดังนี้  (1)  ช่วงการยึดระเบียบความคิด  (2)  ช่วงการการใช้สารสนเทศ  (3)  การสร้างผลกระทบและมีการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน
                   ทฤษฎีว่าด้วยองค์ประกอบของการสื่อสาร  การสื่อสารมีองค์ประกอบดังนี้  (1)  สัญลักษณ์  (2)  การสื่อสารต้องมีความเข้าใจในสัญลักษณ์หรือภาษาให้ตรงกัน  (3)  การสื่อสารจะต้องมีการปฎิสังสรรค์  (4)  การลดความไม่แน่ใจ  (5)  กระบวนการ  (6)  การแลกเปลี่ยนระหว่างกัน  (10)  การลอกเลียนความทรงจำ  (11)  เลือกวิธีการที่จะตอบโต้  (12)  สิ่งเร้า  (13)  ความตั้งใจ  (14)  กาลเทศะ  (15)  อำนาจ
               ทฤษฎีโครงสร้างในสมองหรือข้อมูลสะสมในสมองและพฤติกรรมของมนุษย์  เป็นทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกภายนอกของมนุษย์  ซึ่งผู้รับข่าวสารจะต้องเกิดความรู้ความเข้าใจในข่าวสารก่อนแล้วจึงมีพฤติกรรมตามมา  ทฤษฎีนี้มีความเชื่อดังนี้  (1)  สิ่งเร้า  (2)  ทฤษฎีนี้เชื่อว่าสิ่งเร้านำไปสู่กระบวนการตอบสนอง  (3)  ทฤษฎีนี้มองการทำงานของคนเหมือนการมองคอมพิวเตอร์ (4) ทฤษฎีนี้เชื่อว่าความคิดเป็นผู้กำหนดภาษาและการแสดงออกของมนุษย์
              ทฤษฎีว่าด้วยความเกี่ยวพันส่วนตัวและการประเมินสิ่งรอบตัว  ทฤษฎีนี้ความเชื่อดังนี้  (1)  มนุษย์ประเมินสิ่งต่าง ๆ  รอบตัวโดยอัตโนมัติ  (2)  มนุษย์จะใจแคบหรือกว้างอยู่ที่ความเกี่ยวพันกับตัวเอง
              ทฤษฎีความไม่กลมกลืนของระบบความคิดในสมอง  เป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงพฤติกรรมของบุคคลซึ่งเกิดจากความวิตกกังวลหรือความเข้าใจด้านต่าง  ที่ไม่สอดคล้อง  ความไม่กลมกลืนหรือสภาพความไม่สมดุลของระบบความคิดมีผลเกี่ยวพันกับสถานการณ์ต่าง ๆ
                วิธีการลดหรือหลีกเลี่ยงความไม่กลมกลืน  มีดังนี้  (1)  แสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม  (2)  หลบหลีกข้อข้อมูลที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ  (3)  เก็บเรื่องนั้นเป็นคลื่นใต้น้ำ  (4)  เปลี่ยน โครงสร้างทางความคิดเพื่อให้เกิดความสมดุล  (5)  เติมปัจจัยบางประการสู่โครงสร้างความคิดภายในเพื่อลดความไม่สมดุล  (6)  ลดความสำคัญเพื่อคงสภาพความสมดุล  (7)  บิดเบือนข้อมูลหรือรับบางส่วน  (8)  หาข้อมูลมาสนับสนุนความเชื่อ
                ทฤษฎีที่ว่าด้วยการชักจูงใจ  การโน้มน้าวใจ  ทฤษฎีนี้แบ่งออกเป็น  4  ลักษณะดังนี้  (1)  กลุ่มเชื่อ  (2)  กลุ่มสงสัย  (3)  กลุ่มเฉื่อย  (4)  กลุ่มปรปักษ์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น